อุปกรณ์ทำงานในที่อับอากาศเป็นเครื่องมือที่จำเป็นเพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในสถานที่ที่มีการจำกัดการระบายอากาศหรือมีอากาศเป็นพิษ การใช้อุปกรณ์เหล่านี้ต้องเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องและควรใช้งานโดยผู้ที่มีความรู้และผ่านการฝึกอบรมเกี่ยวกับการทำงานในที่อับอากาศอย่างถูกต้อง
1. เครื่องช่วยหายใจ (Self-Contained Breathing Apparatus, SCBA) ขนาด 6.8 ลิตร
SCBA เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถหายใจได้ในสภาพแวดล้อมที่มีการปนเปื้อนทางอากาศหรือที่มีออกซิเจนต่ำ ตัวเครื่องช่วยหายใจนี้มีถังบรรจุอากาศขนาด 6.8 ลิตร ซึ่งสามารถใช้หายใจได้เป็นระยะเวลาประมาณ 30-60 นาทีขึ้นอยู่กับอัตราการหายใจของผู้ใช้งาน
วิธีการใช้งาน
- ตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนใช้งาน : ตรวจสอบว่าถังอากาศถูกเติมอย่างเต็มที่ และตรวจสอบว่าหน้ากากใส่กระชับไม่มีการรั่วซึม
- สวมใส่ SCBA : เริ่มจากการปรับสายรัดให้พอดีกับลำตัว สวมหน้ากากให้ครอบคลุมใบหน้า และเช็คว่าหน้ากากถูกปิดสนิท
- เปิดวาล์วอากาศ : หมุนวาล์วที่ถังอากาศเพื่อเริ่มต้นจ่ายอากาศไปยังหน้ากาก หายใจเข้าและออกให้แน่ใจว่าอากาศไหลอย่างต่อเนื่อง
- เข้าไปในพื้นที่อับอากาศ : ให้แน่ใจว่าคุณมีสัญญาณหรืออุปกรณ์สื่อสารเพื่อให้สามารถสื่อสารกับทีมสนับสนุนภายนอกได้
- สังเกตตัวชี้วัด : อุปกรณ์ SCBA มีมาตรวัดแรงดันอากาศในถัง ควรตรวจสอบแรงดันอากาศเป็นระยะๆ และกลับออกมาก่อนที่อากาศในถังจะหมด
การบำรุงรักษา
- ควรทำความสะอาดหน้ากากและอุปกรณ์ทุกครั้งหลังการใช้งาน
- ตรวจสอบสภาพของถังและอุปกรณ์ว่าปลอดภัยและอยู่ในสภาพดี
- ควรมีการตรวจสอบการรั่วซึมของอุปกรณ์ทุกครั้งก่อนใช้งาน
2. เครื่องตรวจวัดอากาศที่มีปั๊ม
เครื่องตรวจวัดอากาศเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่อับอากาศ โดยเฉพาะการตรวจหาออกซิเจน ก๊าซพิษ หรือสารเคมีที่เป็นอันตราย เครื่องที่มีปั๊มช่วยในการดูดอากาศจากพื้นที่ที่ต้องการตรวจสอบ เพื่อให้สามารถวัดค่าต่างๆ ได้แม่นยำมากขึ้น
วิธีการใช้งาน
- ตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนใช้งาน : ตรวจสอบแบตเตอรี่และฟังก์ชันการทำงานของเครื่อง รวมถึงการสอบเทียบเพื่อให้มั่นใจว่าค่าที่วัดได้ถูกต้อง
- ตั้งค่าการวัด : ตั้งค่าช่วงการวัดตามความต้องการของพื้นที่ที่ต้องการตรวจ เช่น ค่าระดับออกซิเจน หรือค่าก๊าซเฉพาะ
- เปิดเครื่องและทำการวัด : นำอุปกรณ์เข้าไปใกล้พื้นที่อับอากาศ หรือใช้ปั๊มดูดอากาศออกมาตรวจสอบค่าคุณภาพอากาศ เครื่องจะทำการวัดและแสดงผลในรูปแบบดิจิทัล
- อ่านค่าและประเมิน : ตรวจสอบค่าที่แสดงบนหน้าจอ หากพบว่าคุณภาพอากาศไม่ปลอดภัย ควรรีบแจ้งเตือนและไม่เข้าไปในพื้นที่
- จัดทำรายงาน : เก็บข้อมูลและค่าที่วัดได้เพื่อทำรายงานและใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการป้องกันในอนาคต
การบำรุงรักษา
- ต้องมีการสอบเทียบเครื่องตรวจวัดอากาศเป็นประจำ
- ทำความสะอาดหัวเซ็นเซอร์และปั๊มหลังการใช้งาน
- ตรวจสอบแบตเตอรี่และเปลี่ยนเมื่อจำเป็น
3. ไตรพอด 3 ขา และรอกกู้ภัย
ไตรพอดเป็นโครงสร้างที่มีสามขาใช้เพื่อช่วยในการดึงผู้ปฏิบัติงานขึ้นจากพื้นที่อับอากาศ เช่น ท่อระบายน้ำหรือถัง โดยใช้ร่วมกับรอกกู้ภัยที่ช่วยในการดึงหรือลดระดับบุคคลในสถานการณ์ฉุกเฉิน
วิธีการใช้งาน
- ประกอบไตรพอด : เปิดขาทั้งสามขาและตั้งไตรพอดในตำแหน่งที่มั่นคงเหนือพื้นที่ที่ต้องการกู้ภัย
- ติดตั้งรอก : รอกจะถูกติดตั้งกับด้านบนของไตรพอด ตรวจสอบความแข็งแรงของสายเคเบิลและตัวยึด
- สวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล : ผู้ที่จะถูกดึงหรือยกขึ้นต้องสวมใส่เข็มขัดนิรภัยหรือสายยึดร่างกาย (Harness) และตรวจสอบว่าได้เชื่อมต่ออย่างมั่นคงกับรอก
- เริ่มการยกหรือดึง : ใช้รอกในการดึงหรือปล่อยบุคคลขึ้นหรือลงจากพื้นที่อับอากาศ ต้องทำอย่างช้าๆ และระมัดระวังเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
- กู้ภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน : หากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น ไตรพอดและรอกจะช่วยให้สามารถดึงบุคคลออกจากพื้นที่อับอากาศได้อย่างรวดเร็ว
การบำรุงรักษา
- ตรวจสอบสายเคเบิลและอุปกรณ์ทั้งหมดก่อนใช้งาน
- ทำความสะอาดและเก็บรักษาอุปกรณ์ในที่ที่แห้งและปราศจากฝุ่น
4. เปลกู้ภัย (Skedco)
เปลกู้ภัย Skedco เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการย้ายบุคคลที่บาดเจ็บหรือหมดสติออกจากพื้นที่อับอากาศ โดยสามารถใช้ร่วมกับระบบรอกและไตรพอดในการยกผู้ประสบภัยขึ้นหรือลงได้อย่างปลอดภัย
วิธีการใช้งาน
- วางเปลในตำแหน่งที่เหมาะสม : เปิดเปลให้เรียบและวางผู้บาดเจ็บบนเปล
- รัดสายยึดผู้บาดเจ็บ : ใช้สายรัดเพื่อยึดร่างกายผู้บาดเจ็บให้แน่นหนากับเปล
- เชื่อมต่อเปลกับรอกหรืออุปกรณ์ยก : ติดสายรอกเข้ากับจุดยึดของเปล และตรวจสอบความแข็งแรง
- ย้ายผู้ประสบภัย : ดึงหรือยกเปลขึ้นด้วยความระมัดระวัง และควรทำงานร่วมกับทีมกู้ภัยเพื่อให้กระบวนการกู้ภัยเป็นไปอย่างปลอดภัย
การบำรุงรักษา
- ทำความสะอาดเปลทุกครั้งหลังการใช้งาน
- ตรวจสอบจุดยึดและสายรัดว่ามีสภาพที่ปลอดภัย
5. พัดลมระบายอากาศขนาด 12 นิ้วพร้อมท่อ 5 เมตร
พัดลมระบายอากาศเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการขับไล่ก๊าซพิษหรืออากาศเสียออกจากพื้นที่อับอากาศ และช่วยในการเติมอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถหายใจได้สะดวกขึ้น
วิธีการใช้งาน
- ตั้งพัดลมในตำแหน่งที่เหมาะสม : วางพัดลมให้ห่างจากพื้นที่อับอากาศในตำแหน่งที่สามารถดันอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ติดตั้งท่อ : ต่อท่อระบายอากาศยาว 5 เมตรเข้ากับพัดลมและนำท่อเข้าไปในพื้นที่อับอากาศ
- เปิดพัดลม : เปิดสวิตช์ให้พัดลมทำงานและตรวจสอบว่าอากาศสามารถระบายออกหรือเข้าได้ตามความต้องการ
- ตรวจสอบคุณภาพอากาศ : ใช้เครื่องตรวจวัดอากาศเพื่อตรวจสอบว่าอากาศในพื้นที่นั้นปลอดภัยเพียงพอก่อนที่จะอนุญาตให้ผู้ปฏิบัติงานเข้าไปทำงาน
การบำรุงรักษา
- ตรวจสอบมอเตอร์และใบพัดว่าทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- ทำความสะอาดท่อและพัดลมหลังการใช้งานเพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นหรือสิ่งสกปรก
การใช้งานอุปกรณ์ในที่อับอากาศต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่เคร่งครัดเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ ควรมีการฝึกอบรมและทบทวนมาตรการต่างๆ อยู่เสมอ